3/15/2552

ขอบตาดำ ไม่ใช่แค่นอนดึก

ขอบตาดำ ไม่ใช่แค่นอนดึก


มาดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นก่อนดีกว่า
คนส่วนใหญ่เข้าใจว่า ขอบตาดำเกิดจากนอนน้อย นอนดึก แต่จริงๆ แล้วมีเรื่องซ่อนเร้นมากกว่านั้น ร่างกายของคนเราจะมีสัญญาณบ่งบอกความผิดปกติที่เกิดขึ้นแก่เจ้าของเสมอ แต่น่าเสียดายที่คนเราไม่เข้าใจ หรือไม่รู้ว่าร่างกายบอกอะไรแก่เรา


คนที่ขอบตาดำพึงระวังไว้ ว่าร่างกายกำลังเตือนเราว่า ไตกำลังจะเสื่อม ไม่ว่าอายุแค่ไหน หนุ่มสาว หรือวัยกลางคน หรือคนแก่ชรา ล้วนมีสิทธิ์ไตเสื่อมด้วยกันทั้งนั้น (ในที่นี้จะพูดถึงไตเสื่อม ไม่ใช่โรคไตอย่างที่เราเข้าใจ)

ไต : เป็นอวัยวะภายในที่ทำหน้ที่กรองของเสียในร่างกาย ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นเพียงหนึ่งในหน้าที่หลาย ๆ อย่างของไต หน้าที่อีกอย่างของไต ถ้ากล่าวถึงทั้งหมด จะทำให้ยาวเกินไป จึงขอสรุปสั้นๆว่า ไตนั้นเปรียบเหมือน GM หรือ ผู้จัดการร่างกาย

คนเราโดยเฉพาะในยุคปัจจุบันนี้ ใช้ชีวิตกันในรูปแบบที่สุขภาพร่างกาย จะเสื่อมถอยลงไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะการทำร้ายไตของตัวเองโดยไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะรับประทานอาหารที่ปรุงแต่งมากเกินไป หรืออาหารที่มีปัจจัยหยินหยางไม่สมดุล กับร่างกายตัวเอง (เค็มมาก มันมาก เผ็ดมาก ฟาสฟู้ด อาหารสำเร็จรูป อาหารแช่แข็ง อาหารอุตสาหกรรมต่าง ๆ ฯลฯ) อีกทั้งการใช้ชีวิตที่ไม่สอดคล้องกับเวลาที่ถูกต้อง ทั้งนอนน้อยเกินไป นอนมากเกินไป นอนไม่เป็นเวลา ไม่ออกกำลังกาย (รวมไปถึงการออกกำลังกายที่ไม่เหมาะสมกับสภาวะของร่างกายตัวเอง) เครียดมาก กดดันมาก รีบเร่งมาก ฯลฯ

คนในยุคปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะอยู่ในสภาวะไตเสื่อมมากขึ้น มีวิธีสังเกตสภาพร่างกายตัวเองดังต่อไปนี้

การสังเกตว่ามีภาวะไตเสื่อม
1. มักจะออกเพลียบ่อยๆ ขาดความกระตือรือร้น
2. นอนไม่ค่อยหลับ หรือหลับไม่สนิท
3. ปัสสาวะบ่อย หรือกะปิดกะปอย
4. ปวดตามตัว เป็นตะคริวบ่อยๆ
5. จาม คัดจมูก เป็นหวัดง่าย
6. ซึมเศร้า ปวดหัวง่าย ขี้ลืม ขี้วิตกกังวล
7. หย่อนสมรรถภาพทางเพศ หลั่งเร็ว ประจำเดือนไม่ปกติ
8. ขอบตาดำคล้ำ ผมหงอก ผมร่วง ก่อนวัย


จริงๆ แล้วมีเยอะกว่านี้ (ไม่ได้หมายความว่าต้องมีอาการแบบนี้ทั้งหมด อาจจะไม่ต้องมีครบทุกข้อ) แต่โดยรวมแล้วมีปรากฏให้เห็นกับตัวเอง และคนรอบข้าง


สาเหตุที่ทำให้ไตเสื่อม
1. ใช้ชีวิตขาดสมดุล เช่น ทำงานหนักมากเกินไป หามรุ่งหาค่ำ ไม่หลับไม่นอน หรือเที่ยวกลางคืนหนัก หมกหมุ่นความบันเทิง ฯลฯ
2. เพศสัมพันธ์ เช่น การมีเพศสัมพันธ์มากเกินควร และการหลั่งอสุจิมากเกินควร ทำให้ร่างกายเสียพลัง ไปโดยเปล่าประโยชน์ และไตจะอ่อนแอ
3. การทานยา เช่น การทานยารักษาโรค เป็นระยะเวลานาน หรือปริมาณที่มาก ทั้งยาแก้ปวด ยาแก้ไข้ ยาคุมกำเนิด ยาแก้ไอ แก้เครียด ซึ่งแม้โรคจะหาย แต่ไตจะมีเคมีของยาตกค้างอยู่
การแก้ไข

ปรับพฤติกรรมของตัวเอง ทั้งการกิน การนอน การอยู่ ง่าย ๆ คือ 1 วันมี 24 ชั่วโมง ให้แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนละ 8 ชั่วโมง ทำงาน 8 ชั่วโมง ส่วนตัว 8 ชั่วโมง (เที่ยว พักผ่อน ดูทีวี สันทนาการ ออกกำลังกาย) นอน 8 ชั่วโมง




ข้อแนะนำสำหรับการเลี่ยงภาวะไตเสื่อม
1. ปรับวิธีการออกกำลังกาย : แอโรบิกก็เป็นการออกกำลังกายที่ดี แต่ช่วงที่ร่างกายขาดสมดุล จึงไม่แนะนำให้เล่นต่อ เพราะอาจจะทำให้คุณสูญพลังมากขึ้น อยากให้คุณฝึกโยคะกับครูผู้ชำนาญ ซึ่งหาเรียนได้ไม่ยากในเวลานี้ (ห้ามฝึกเองจากหนังสือ หรือซีดีเด็ดขาด เพราะจะเสียมากกว่าได้)

การฝึกโยคะ ไม่ได้ให้ประโยชน์แค่เรื่องความสวยความงาม แต่เป็นการปรับสมดุลของระบบภายในต่างๆ ของร่างกายและช่วยฟื้นฟูสภาวะที่ผันแปรต่าง ๆ ให้เข้าที่ได้ดีมาก แต่ต้องฝึกอย่างมีวินัย และมีสมาธิ นอกจากนี้หากมีโอกาสอยากให้ฝึก ซี่กง ควบคู่ไปด้วยจะเห็นผลดี และเร็วยิ่งขึ้น
แต่หากรู้สึกว่ายาก หรือห่างตัวเกินไปสำหรับคุณ ก็ให้เลือกการว่ายน้ำ โดยว่ายอย่างเบาๆ แต่ต่อเนื่องในเวลาที่พอสมควร (รู้สึกเหนื่อยเมื่อไหร่ให้หยุดพัก ห้ามฝืนต่อ) ว่ายเบา ๆ

2. ปรับอาหาร : งดเนื้อสัตว์ย่อยยาก เช่น วัว หมู ไก่ เป็ด แกะ ของเผ็ด ของเย็น (ไอศครีม น้ำแข็ง) ของมัน ของทอด ให้ทานปลาทดแทน และทานผักสดที่ปรุงน้อย (เช่นสลัด) มากขึ้น ทานพวกถั่วแดง งาดำ ข้าวโพด

ดื่มน้ำเปล่าอุณหภูมิปกติ (ห้ามดื่มน้ำเย็น) และงดเครื่องดื่มของมึนเมา น้ำอัดลม นม น้ำอุตสาหกรรม (ชาเขียว ชาขาว บรรจุขวด เครื่องดื่มบำรุงกำลัง)

3. อยู่ห้องแอร์ให้น้อยลง :อยู่หน้จอคอมพิวเตอร์ จอโทรทัศน์ให้น้อยลง หาเวลาอยู่กับธรรมชาติมากขึ้น (เดินเท้าเปล่าในสนามหญ้าได้จะดีมาก)


อาการผิดปกติที่แสดงออกทางร่างกายของเรา ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรม หรือความรู้สึกก็ดีล้วนมีส่วนสัมพันธ์กับอวัยวะไต กล่าวได้ว่า ไต นั้นเปรียบเสมือนแบตเตอรี่ที่มีค่ายิ่งของมนุษย์ เป็นเหมือนผลึกแก้ววิเศษที่มีค่ามหาศาล แต่ก็เปราะบางยิ่งนัก และง่ายต่อการแตกร้าว วิธีการดูแลรักษาไม่ยากเลยสำหรับคนในยุคสมัยก่อน (แต่ยากยิ่งสำหรับคนยุคสมัยนี้ )นั่นคือ “การคล้อยตามธรรมชาติ”


คนสมัยก่อน ตื่นเช้า นอนแต่หัวค่ำ ทานอาหารที่สดใหม่ ไม่ผ่านกระบวนการอุตสาหกรรม ดื่มน้ำบริสุทธิ์ ใช้กำลังกายมากกว่าพึ่งพาสิ่งอำนวยความสะดวก ฯลฯ


ในขณะที่คนยุคปัจจุบัน นอนดึกเป็นกิจวัตร (ทำงาน, ดูบอล, ดูโทรทัศน์, เที่ยวกลางคืน) ทานอาหารปนเปื้อน แปรรูป ดื่มน้ำอัดลม พึ่งพาเทคโนโลยีจนเกินความจำเป็น ฯลฯ


อาการไตเสื่อมจะเกิดใน 2 ลักษณะ แยกเป็น ไตหยิน กับไตหยาง
1. อาการไตหยาง หรือไตหดตัวแน่
- นอนไม่หลับ หรือหลับๆ ตื่น ๆ
- นอนกัดฟัน ฝันร้ายบ่อย ๆ
- อสุจิเคลื่อนตอนนอน
- เป็นเหน็บชาบ่อยๆ

สาเหตุ
- ทานอาหารรสเค็มจัด หรือเนื้อย่าง ปิ้งไฟ หรือพวกเนื้อแห้งแดดเดียวบ่อย ๆ
- ระบบการทำงาน หรือ การใช้ชีวิตที่ขาดระเบียบ
- การนั่งทำงาน หรือนั่งรถนาน

2. อาการไตหยิน หรือไตคลายตัว
- เฉื่อยชา เกียจคร้าน
- ความต้องการทางเพศต่ำลง
- ปวดเมื่อยหลัง และเอว
- ปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะเวลากลางคืน
- นอนตื่นสาย ไม่อยากตื่น
- ขี้หูมาก
- เหงื่อออกเยอะผิดปกติ

ตามปกติแล้วในเวลากลางคืน ไต ซึ่งเป็นอวัยวะธาตน้ำ หรือ “หยิน” จะทำงานมากกว่าเวลากลางวัน สังเกตว่าเวลาตื่นเช้า เราจะปวดปัสสาวะก่อนเป็นอันดับแรก
ดังนั้น เมื่อเราใช้ชีวิตที่เพิ่มปัจจัย “หยิน” ในชีวิตประจำวันมากจนเกินดุล ไตจึงยิ่งทำงานหนักมากขึ้น (อาการหยิน ที่เกิดขึ้นเช่น ขี้เกียจ อยากนอนตลอดเวลา ปัสสาวะบ่อย เซื่องซึม สีหน้าซีดเซียว ขอบตาคล้ำ หงุดหงิดขี้รำคาญ เป็นต้น)

ฉะนั้น ถ้าใครที่ใกล้ตัวหรือพนักงานของใครที่ขี้เกียจ ก็อย่าไปดูด่า โทษเขา แต่ควรพูดคุย สอบถามวิธีการใช้ชีวิต แล้วแนะนำให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน การนอน การใช้ชีวิต จะได้บุญ..
สาเหตุ
- การดื่มน้ำเย็นเป็นนิสัย รวมทั้ง น้ำแข็ง ไอศครีม หวานเย็น และอาหารลักษณะนี้
- ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์
- การสวมใส่เสื้อผ้าใยสังเคราะห์ ซึ่งมีไฟฟ้าสถิตย์
- การอาศัยอยู่ในที่เย็นนาน ๆ เช่น ห้องแอร์ ดังนั้นคนที่ทำงานในออฟฟิศที่เปิดแอร์กันทั้งวัน ควรหาเวลาเดินไปข้างนอกเพื่อนเปลี่ยนอากาศบ้าง หรือใส่เสื้อแจ็คเก็ต (ควรเป็นผ้าธรรมชาติ เช่น คอตตอน ผ้าฝ้าย) และหาโอกาสออกกำลังกายกลางแจ้งบ้าง
- สำหรับคนที่นอนห้องแอร์ควรสวมใส่เสื้อผ้า ห่มผ้าให้อบอุ่น
- การนั่งรถนาน ๆ โดยเฉพาะเส้นทางที่รถติดมาก ๆ ยิ่งเพิ่มปัจจัยหยินมากขึ้น


นอนไม่เป็นเวลา ทำงานไม่เป็นเวลา นอนน้อย หรือนอนผิดเวลา สำหรับคนที่นอนและทำงานผิดเวลา ตามหลักวงจรธรรมชาตินั้น เวลากลางวัน คือยามสำหรับทำงาน เรียนหนังสือ ส่วนกลางคืน คือยามสำหรับพักผ่อน นอนหลับ (หยางเคลื่อนไหว หยินสงบนิ่ง) การใช้ชีวิตที่ผิดวงจรนั้น จะส่งผลถึงสุขภาพร่างกาย และจิตใจอย่างแน่นอน แม้ในปัจจุบันนี้จะยังไม่แสดงตัวออกมาอย่างเต็มที่นั่นเพราะ ตัวคุณมี “ทุน” ที่ยังค้ำยันอยู่ แต่เมื่อใดที่ทุนนั้นร่อยเหรอลงไปเรื่อย ๆ เพราะการใช้ชีวิต ที่เพิ่มปัจจัยหยิน เช่นนี้อยู่


อาหารที่ควรเลือกรับประทานเป็นหลัก
1. ข้าวกล้อง
2. สาหร่ายทะเล
3. ถั่วแดง ผักสด ผลไม้รสไม่หวาน และน้ำอ้อย
4. เต้าเจี้ยว

หลีกเลี่ยงการใช้ชีวิต ดังนี้
1. พยายามอย่านั่งหลังงอ
2. อย่านั่งนาน ๆ หรือ อย่าอยู่อย่างเฉื่อยชานาน ๆ
3. ดื่มน้ำอุณหภูมิปกติ (ไม่เย็น) หรือน้ำอุ่นได้จะยิ่งดี วันละ 6 แก้ว อย่างน้อยโดยดื่มแบบค่อย ๆ จิบ อย่าดื่มคำโต หรือเอื้อกเดียวหมดแก้ว

ไม่มีความคิดเห็น: