2/05/2552

ประโยชน์ และ โทษ ของการทานผักผลไม้

1. แห้ว
ให้พลังงานสูง เพราะมีคาร์โบไฮเดรตเป็นส่วนประกอบที่สำคัญ ดังนั้นการบริโภคมากไปก็อาจทำให้อ้วนได้ เพราะแห้วจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลแล้วสะสมในร่างกายนั่นเอง
นอกจากคาร์โบไฮเดรตแล้ว ใยอาหารก็มีอยู่มากเช่นกัน ซึ่งใยอาหารนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการขับถ่าย และกระตุ้นการบีบตัวของกระเพาะอาหารและลำไส้ สุขภาพจึงดี ท้องไม่อืดเฟ้อ และป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้เนื่องจากการตกค้างของอาหารนั่นเอง
แห้วยังมีวิตามิน B และ E สูง จึงป้องกันโรคเหน็บชา และปากนกกระจอกได้ อีกทั้งยังช่วยบำรุงผิวหนังให้มีสุขภาพดี สวยเปล่งปลั่งจึงเหมาะสำหรับสาวๆ อย่างมาก
น้ำที่มีอยู่ในแห้ว จะช่วยเป็นยาขับปัสสาวะได้ดี จึงป้องกันอาการขัดเบา และปัสสาวะลำบากได้ด้วย


2. ฝรั่ง
ผลแก่เต็มที่มีวิตามินซีสูง จะลดลงเมื่อสุก ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน มีวิตามินเอ วิตามินบี1 บี2และบี6 ธาตุเหล็ก และแคลเซียม มีกรดอินทรีย์หลายชนิด และมีน้ำตาลเล็กน้อย
ฝรั่งเป็นผลไม้ที่อุดมด้วยวิตามิน โดยเฉพาะวิตามินซี และวิตามิน เอ นั้น มีมากกว่ามะนาวถึง 4 เท่า ทำให้ฝรั่งมีคุณค่าในการสร้างความต้านทานโรคหวัดได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ยังมีการแนะนำให้รับประทานฝรั่งเพื่อลดความอ้วน เพราะฝรั่งเป็นผลไม้ที่มีความกรอบ เคี้ยวเพลิน และไม่เพิ่มน้ำหนัก คุณค่าทางอาหารประกอบด้วย วิตามินเอ,วิตามินซี, B1,B2,แคลเซียม,ฟอสฟอรัส,นอกจากนี้ยังมีสารพวกเพคตินและแทนนิน (TANNIN) จำนวนมากด้วย
สำหรับคุณประโยชน์ทางอาหารสรุปได้ดังนี้
-วิตามินซีและวิตามินเอ ช่วยให้มีความต้านทานต่อโรคหวัดเพิ่มขึ้น บำรุงเหงือกและฟัน , ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน
- สารเพคติน (PECTIN) เป็นยาระบายอ่อน ๆ แก้ท้องผูกได้ดี สารแทนนิน (TANNIN) มีฤทธิ์เป็นยาฝาดสมาน สามารถบรรเทาอาการท้องร่วงและห้ามเลือดได้ , ช่วยสมานแผลและบรรเทาอาหารเจ็บคอ นอกจากนี้ยังช่วยระงับกลิ่นปากและรักษาแผลเรื้อรังเช่น น้ำกัดเท้า และผื่นคันจากผิวหนังที่ถูกใบไม้คันได้ด้วย
ดังนั้น การกินฝรั่ง อาจจะทำให้น้องไปหาหมอด้วยโรคหวัดน้อยลง และทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารดังที่กล่าวมาแล้ว แต่การรักษาสุขภาพให้แข็งแรง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และผักผ่อนให้เพียงพอ เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ที่จะทำให้น้องไม่ต้องไปพบแพทย์ด้วย



3.ส้ม
ผลไม้รสหวานอมเปรี้ยวที่หากินได้ทุกที่ทุกเวลา ส้มจะมีวิตามินซี ตัวนี้เองที่มีฤทธิ์ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน และอัดแน่นด้วยไบโอฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ส่วนกากใยด้านนอก ดังนั้นเวลาทานส้มจึงไม่ควรลอกเยื่อบุผิวขาวๆ ส่วนที่เป็นกากใยออก เพราะกากใยนี้ช่วยในการขับถ่ายได้ดี
นอกจากเนื้อในจะมีประโยชน์แล้ว น้ำมันจากเปลือกส้มที่อยู่ด้านนอกยังกระตุ้นให้เกิดการหลั่งสารเอนโดรฟินในสมอง ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่าและผ่อนคลายมากขึ้น จากรายงานการวิจัยประเทศญี่ปุ่นค้นพบว่าการรับประทานส้มจะช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งตับได้ เนื่องจากมีสารยับยั้งอย่างแคโรทีนอยด์บรรจุอยู่ในผลแบบเต็มๆ
Did you know? รับประทานน้ำส้มคั้มสดๆ สักหนึ่งแก้วก่อนอาหารเช้า จะช่วยเติมเต็มวิตามินซีให้ร่างกายได้ตลอดวัน ส่วนสาวๆ ที่กำลังไดเอทควรรับประทานส้มโดยไม่คายกากจะช่วยควบคุมน้ำหนักได้อีกวิธีหนึ่ง เพราะจะทำให้รู้สึกอิ่มท้องและไม่อ้วน



4. แคนตาลูป
เป็นผลไม้ที่มีรูปร่าง ลักษณะคล้ายผลแตงไทย แต่จะแตกต่างกันตรงที่เปลือกนอกของแคนตาลูปจะค่อนข้างแข็ง และมีเนื้อในขาวนวลกว่า รวมทั้งรสชาติจะหวานกรอบ ไม่นิ่มเหมือนแตงไทย นิยมรับประทานสด ทำเป็นสลัด น้ำผลไม้ และของหวานบางชนิดที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง
หลาย ๆ คนอาจไม่เคยทราบเลยว่า เนื้อแคนตาลูปนั้นมีวิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา มีวิตามินซี ที่ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน และมีแคลเซียม ที่ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน
นอกจากนี้ยังมีความหวานของน้ำตาลธรรมชาติ รวมถึงสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอีกมากมายด้วย


5. ข้าวโพด
มีคุณค่าทางอาหารมากมาย ประกอบไปด้วยสารอาหาร ดังนี้
- คาร์โบไฮเดรต "ข้าวโพด"มีคาร์โบไฮเดรตประมาณร้อยละ 72 ข้าวโพดหนัก 1 กรัม ให้พลังงาน 4 แคลอรี่
- ไขมัน เมล็ดข้าวโพดมีไขมันอยู่ร้อยละ 4 มีฤทธิ์ช่วยควบคุมคอเลสเตอรอล ช่วยลดความดันโลหิตสูง
- โปรตีน โปรตีนในข้าวโพดเป็นโปรตีนที่ไม่สมบูรณ์ค่ะ เพราะจากกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายคือไลซีนและทริบโตฟาน ควรรับประทานข้าวโพดร่วมกับถั่วเมล็ดต่างๆ
- วิตามิน อุดมด้วยวิตามินบี 1 และวิตามินบี 2 รวมไปถึงเกลือแร่
ประโยชน์ของข้าวโพด นอกจากจะรับประทานฝักสดๆแล้ว ข้าวโพดฝักอ่อน มักจะนำมาบรรจุกระป๋องซึ่งเป็นสินค้าอีกชนิดหนึ่งที่นำมูลค่าส่งออกให้ประเทศค่ะน้ำมันข้าวโพดนิยมนำมาทำขนมหรือน้ำมันสลัด ตลอดจนใช้ทอดอาหารต่างๆได้เป็นอย่างดี
นอกจากประโยชน์ในรูปของอาหารแล้ว ข้าวโพดยังมีประโยชน์ในอุตสาหกรรมเครื่องอุปโภคหลายชนิด เช่น ทำสบู่, น้ำมันใส่ผม, น้ำหอม, กระดาษ, ผ้า ตลอดจนฝัก, ใบ, ลำต้น ยังนำมาใช้ทำผลิตภัณฑ์อีกหลายอย่าง อาทิ ปุ๋ย, วัตถุฉนวนไฟฟ้า ซังข้าวโพดแห้งยังใช้เป็นเชื้อเพลิงในการหุงต้มได้
ข้าวโพดมีสรรพคุณทางยา อาทิ ช่วยบำรุงร่างกาย, หัวใจ, ปอด, ขับปัสสาวะ และนำมาพอกรักษาแผล